การสร้างแพ็คเกจอย่างถูกต้องทำได้อย่างไร?

แก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ มากกว่า 3 ปี ที่แล้ว

ก่อนที่จะเข้าสู่การอธิบายถึงวิธีการสร้าง "แพ็คเกจ (Packages)" จะต้องเริ่มด้วยการเข้าใจคอนเซ็ปของเว็บไซต์ VenueE ที่เราเชื่อในเรื่องของการสร้างรูปแบบราคาที่เป็นสากล โปร่งใส และเข้าใจได้โดยง่าย เพื่อที่จะทำให้การจองสถานที่จัดงานเป็นเรื่องที่ง่าย สะดวก และรวดเร็วได้เหมือนกับการจองโรงแรมสำหรับทุกคน ดังนั้น VenueE จึงนำเสนอการจองสถานที่ด้วยฐานราคา 2 รูปแบบราคาคือ

1. ราคาพื้นฐาน หรือค่าเช่าพื้นที่จากราคารายชั่วโมง (Hourly rate)

ราคาพื้นฐานของทุกสถานที่จะเริ่มต้นด้วยการคิดอัตราค่าเช่าเป็นรายชั่วโมง ครึ่งวัน(4ชั่วโมงจองขึ้นไป) และเต็มวัน(8 ชั่วโมงจองขึ้นไป) เป็นต้น 

2. ราคาต่อท่าน หรือแพ็คเกจ(Packages)

ราคาแพ็คเกจที่เพิ่มเข้ามานี้สามารถทำให้โฮสต์สร้างแพ็คเกจนำเสนอให้แก่ผู้จองโดยคิดราคาจาก "ราคาต่อท่าน" ได้ ซึ่งจะเหมาะสมสำหรับการทำแพ็คเกจที่นำเสนอบริการที่มากไปกว่าการเช่าพื้นที่เปล่าอย่างเดียว ทั้งยังทำให้ยอดมูลค่าต่อหนึ่งการจองเพิ่มขึ้น ซึ่งจะผลให้โฮสต์ได้รับรายได้ที่มากยิ่งขึ้นนั้นเอง ยกตัวอย่างเช่น สถานที่ห้องประชุมต้องการที่จะนำเสนออาหารกลางวันพร้อมกาแฟรวมไว้ในการจองนั้นๆ โฮสต์สามารถสร้างแพ็คเกจเป็น Full day meeting ได้โดยคิดราคาเป็น "ต่อท่าน" และสามารถระบุถึงบริการที่รวมอยู่อยู่ในแพ็คเกจนั้นๆ ได้ ซึ่ง VenueE แนะนำให้กรอกคำอธิบายแพ็คอย่างละเอียด ทั้งนี้ โฮสต์ควรที่จะตั้ง จำนวนผู้เข้าร่วมงานขั้นต่ำต่อแพ็คเกจเอาไว้ด้วย

แพ็คเกจใช้งานอย่างไร

ชมวีดีโอแนะนำการใช้งาน
เมื่อคุณได้ทำการสร้างแพ็คเกจแล้ว หน้าตาของ Listing ของคุณจะถูกเพิ่มไปด้วยข้อเสนอแพ็คเกจที่คุณได้ตั้งค่าเอาไว้ ซึ่งแพ็คเกจเหล่านี้จะสามารถกดเลือกได้โดยผู้จองสถานที่ ราคาของแพ็คเกจนี้จะถูกมาคำนวนเข้ากับจำนวนผู้เข้าร่วมงานทันที เช่น ผู้จองสถานที่ กดเลือกแพ็คเกจ International Buffet ราคา 800 บาทต่อท่าน โดยระบุจำนวนผู้เข้าร่วมงานทั้งสิ้น 30 ท่าน ระบบของ VenueE จะคำนวนราคาสุทธิให้ที่ 24,000 บาทซึ่งจะเป็นจำนวนสุทธิ

  • ในกรณีที่เป็นการจองออนไลน์ การจองนี้โฮสต์จึงสามารถเสนอขายพื้นที่ด้วยราคาแพ็คเกจได้ และผู้จองนั้นจะถูกเรียกเก็บค่าเช่าจากราคาแพ็คเกจนี้และการคำนวนเป็นรายชั่วโมงจะไม่ถูกนำมาใช้กับการจองแพ็คเกจ ดังนั้นการสร้างแพ็คเกจนี้จึงจำเป็นจำต้องระบุอย่างละเอียดว่าบริการใด สิ่งใด รวมอยู่ในแพ็คเกจและสิ่งใดไม่รวม
  • ในกรณีที่เป็นการขอใบเสนอราคา การเลือกแพ็คเกจจากผู้จองสถานที่จะไม่มีผลใดๆ ต่อการทำใบเสนอราคา คุณจะได้ทราบถึงความต้องการของลูกค้าว่าลูกค้ากำลังมองแพ็คเกจและบริการอย่างไร

ขั้นตอนการสร้างแพ็คเกจ

เริ่มต้นด้วยการที่โฮสต์กลับเข้าไปตั้งค่าที่หน้า "จัดการสถานที่(Listings)"  ต่อมากดหน้าพื้นที่ที่ต้องการเพิ่มแพ็คเกจโดยกด "แก้ไข" และเลือกหน้าเมนู "ราคาและแพ็คเกจ(Price and Package)"  โดยที่ข้อมูลที่คุณจะต้องเตรียมสำหรับการสร้างแพ็คเกจนี้จะได้แก่

1. ประเภทของแพ็คเกจ 
กำหนดประเภทพื้นฐานของแพ็คเกจ ซึ่งบนระบบจะมีให้เลือกทั้งหมด 6 แพ็คเกจพื้นฐาน ได้แก่ Full day, Half day, Coffee break only, Buffet, Set menu และ Cocktail 

2. ชื่อของแพ็คเกจ
คุณสามารถตั้งชื่อให้แก่แพ็คเกจของคุณได้เพื่อสร้างเอกลักษณ์และความน่าดึงดูดที่มากขึ้นแก่ผู้จอง ยกตัวอย่างเช่น คุณกำลังสร้างแพ็คเกจ Full day meeting คุณสามารถตั้งชื่อให้ผู้จองรู้สึกพิเศษได้ เช่น Deluxe Full Day Meeting  เป็นต้น ซึ่ง VenueE แนะนำให้คุณใส่แพ็คเกจพื้นฐานให้ครบเท่าที่สถานที่คุณมีบริการ และควรคำนึงเสมอว่าแพ็คเกจเหล่านี้จะถูกนำเสนอเป็นราคาต่อท่านเท่านั้น

Ideas แนะนำการตั้งชื่อสำหรับแพ็คเกจพิเศษ
  • Byenior Buffet Party 
  • Chinese set menu(Wedding Package) พิธีฉลองมงคลสมรสกลางวัน
  • [Venue name] Special Wedding Party Package
  • Special Corporate Party Package
  • Happy Birthday Anniversary Package
  • Exclusive Private Party Package
3. ราคาแพ็คเกจต่อท่าน
การกำหนดราคานั้น VenueE แนะนำให้คุณตรวจสอบราคาจากสถานที่ใกล้เคียงหรือสถานที่อื่นๆ เพื่อนำมาเป็นตัวกำหนดยุทธศาสตร์ราคาให้กับสถานที่ของคุณ เราแนะนำให้คุณกำหนดราคาตามความเป็นจริงหรือต่ำกว่าเพื่อสร้างแรงดึงดูดทางการตลาดบนเว็บไซต์ของเรา

4. คำอธิบายแพ็คเกจ
การเขียนคำอธิบายแพ็คเกจควรคำนึงถึงการระบุบริการที่รวมและไม่รวมอยู่ในแพ็คเกจนั้นๆ ต้องคำนึงถึงรายละเอียดที่ชัดเจนเท่าที่ผู้จองจะต้องทราบก่อนการจอง และการเขียนคำอธิบาย เราแนะนำให้ใช้วิธีการเขียนแบบเป็นหัวข้อ(Bullet point) เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ

 ทั้งนี้เราแนะนำหัวข้อที่คุณสามารถนำไปใช้ในการเขียนคำอธิบายดังนี้
  • รายการอาหาร/เครื่องดื่มที่ให้บริการในแพ็คเกจ
  • สิ่งอำนวจความสะดวกและอุปกรณ์
  • ของอภินันทนาการ/บริการพิเศษที่โฮสต์เพิ่มให้ในแพ็คเกจ
ตัวอย่างการเขียนคำอธิบายแพ็คเกจ

"แพ็คเกจพิธีฉลองแบบค็อกเทลหรือบุฟเฟ่ต์นานาชาติ ในราคาเพียงท่านละ 990 บาทเท่านั้น ครบ คุ้ม ครอบคลุมออปชั่นจัดเต็มสำหรับงานเลี้ยงบริษัทโดยเฉพาะ
สถานที่ 
ดอกไม้ 
อุปกรณ์ตกแต่ง ฉากหลัง
ซุ้มต้อนรับ โต๊ะลงทะเบียน
แบ็คดรอป
อาหารจัดเลี้ยง
ฟรี Corkage Charge
ค่าล่วงเวลาชั่วโมงละ 10,000 บาท"

"Thai/International Buffet Package
APPETIZER to select 2 courses
- เกี๊ยวซ่า
- สลัดโรล 
- หมูสะเต๊ะ
MAIN to select 2 courses
- สปาเก็ตตี้พริกแหŒงเบค่อน
- ข้าวผัดกระเพราหมูคั่วกลิ้ง
- ไก‹ซอสศรราชาผั‹กย่าง 
DESSERT to select 1 course
 - ชิฟฟ†อนวนิลาฝอยทอง 
- พุดดิ้งทีรามิสุ
DRINK
 - SOFT DRINK FREE FLOW 4 HOURS
- Free 1 barrel Singha Beer"

5. ช่วงเวลาของแพ็คเกจ
ระบุช่วงเวลาของแพ็คเกจที่คุณนำเสนอ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณตั้งแพ็คเกจสำหรับงานจัดเลี้ยงช่วงเย็นสำหรับ Thai/Internation Buffet คุณสามารถกำหนดช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจง ดังแพ็คเกจนี้ที่กำหนดไว้คือ 17:00 - 22:00 ซึ่งจะสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้จองด้วยอีกทางหนึ่งว่า เมื่อเลยเวลาถึง 22:00 แล้ว ทางผู้จองจะต้องชำระ Extra Hour ที่เพิ่มขึ้นมาได้ หรือท่านอาจระบุถึงค่าบริการล่วงเวลา Extra Hour ไว้ในคำอธิบายแพ็คเกจได้เช่นกัน

ดังนั้นการจองที่เกิดขึ้นคุณควรแนะนำช่วงเวลาของแต่ละแพ็คเกจให้ลูกค้าผู้จองทราบก่อนที่คุณจะยืนยันรับงานและเรียกเก็บเงินจากลูกค้าเสมอ

การตั้งค่าแสดงแพ็คเกจ

บนหน้าการสร้างแพ็คเกจนี้ คุณสามารถสร้างแพ็คเกจรูปแบบต่างๆ เก็บไว้ใน Account ของท่านได้ โดยที่แพ็คเกจทุกอันที่ถูกสร้างจะเชื่อมโยงถึงกันในทุกๆ พื้นที่(Spaces) ที่คุณมีใน สถานที่(Venue) เดียวกัน แต่โฮสต์สามารถตั้งค่าการแสดงแพ็คเกจของในแต่ละพื้นที่ได้ตามที่โฮสต์กำหนดได้ เช่น ห้องฟังชั่น A สามารถนำเสนอแพ็คเกจได้ 5 รูปแบบ และห้องฟังชั่น B โฮสต์เลือกแสดงทั้งหมด 3 แพ็คเกจ ได้

โฮสต์สามารถตั้งค่าแสดงแพ็คเกจในแต่ละพื้นที่หรือลิสติ้งได้โดยการเลือกที่เครื่องหมายถูกในแต่ละแพ็คเกจได้ โดยให้โฮสต์เลือกคลิกเครื่องหมายถูกในทุกแพ็คเกจที่ต้องการแสดงบนลิสติ้ง จากนั้นผู้จองจะเห็นข้อเสนอแพ็คเกจเท่าที่คุณกำหนดไว้